Crystal Studio

Come and Join Us Having Some FUN!

Crystal Studio

Jump To The BEAT

Crystal Studio

Popular Vote | Kids Got Talent 2017

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Acting..เรียนแล้วไปไหน

แอคติ้ง..เรียนแล้วไปไหน
โดย ครูน้ำมนต์ จ้อยรักษา
ศิลปิน นักแสดง Acting Coach ผู้กำกับการแสดง และวิทยากรพิเศษด้านการแสดงทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน





คุณเคยสงสัยไหมครับว่าคนที่เขาเรียนการแสดง (Acting) เสียเงินเสียทอง เสียเวลาเรียนกันไปทำไม
จะไปเป็นดารากันหรือ  ไหนจะมีสถาบันต่างๆ ที่สอนในด้านศิลปการแสดงมากมาย คนที่เขาเรียนด้านนี้เรียนจบแล้วเขาจะไปทำงานทำการอะไรกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดคำถามมากมาย วันนี้เรามาหาคำตอบให้กับปัญหาคาใจเรื่องนี้กันครับ

"แอคติ้ง..เรียนแล้วไปไหน"

โดยทั่วไปมักเข้าใจกันว่าเรียนการแสดงแล้วต้องเป็นดารา หรือนักแสดง แต่ทราบไหมครับว่า สายงานต่างๆ ที่ต่อยอดจากการเรียนการแสดง มีเยอะแยะไปหมด ด้วยสาเหตุที่ว่า การเรียนการแสดง เป็นการฝึกฝนในเรื่องของการสื่อสารอารมณ์ ความรู้สึกผ่านร่างกาย ด้วยวิธีการต่างๆ จึงทำให้เกิดทักษะ และความสามารถ ในการเอาทักษะนั้นนไปใช้ในรูปแบบต่างๆได้

"ต่อยอดอะไรได้บ้าง"

แบบใกล้ที่สุด นอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว ยังสามารถขยับขยายไปได้อีกครับ เพียงแต่คุณอาจจะต้องเปลี่ยนความสามารถของคุณ จากแสดงเองได้ เป็นถ่ายทอดและทำให้คนอื่นแสดงได้  และนี่คืออาชีพที่เรียกว่า แอคติ้งโคช

คล้ายกับแอคติ้งโคช อีกหนึ่งอาชีพก็คือ แคสติ้ง หากแต่คุณต้องสามารถตีโจทย์จากลูกค้าได้อย่างชัดเจน และมีรสนิยมในการคัดเลือกนักแสดง พร้อมทั้ง ทำเทส พร้อมนำเสนอแก่ลูกค้าได้อย่างถูกใจและถูกจังหวะ

หากคุณมีฝีปากกล้า ปฏิภาณไหวพริบดี ภาษา และการออกเสียงชัดเจน บุคลิกดี นั่นหมายความว่า สายงานด้าน พิธีกร อาจจะเป็นของคุณ

หากคุณฝึกการใช้เสียงในการแสดง อย่างตั้งใจจนสามารถ ออกเสียงได้อย่างน่าฟัง และมีเนื้อเสียงที่งดงาม ไพเราะ สายงานในด้านของ เสียง เช่น ดีเจ หรือผู้ประกาศ รอคุณอยู่

สำหรับบางท่านชอบที่จะศึกษาหาความรู้ในเรื่องของการแสดงให้ลึกซึ้ง และถ่ายทอดออกมาในแบบของนักวิชาการ อย่างที่เรียกว่า นักวิชาการด้านศิลปะการแสดง ก็เก๋ดีไม่หยอก

บางท่านเรียนการแสดงแล้ว สนใจที่จะเป็นผู้เยียวยาจิตใจ ก็ไปต่อยอดในสาขาของการบำบัด ในรูปแบบต่างๆได้ เช่น Drama Therapy ก็ดูจะเป็นที่ต้องการของยุคนี้นะครับ

หรือบางท่านเรียนการแสดงไปเพื่อใช้ในการบริหารงานหน่วยงาน หรือองค์กรต่างๆ ของตน ก็ได้ผลเป็นอย่างดีเพราะ สื่อสารสิ่งที่ตนเองต้องการได้ชัดเจน ลองคิดภาพในบริษัทที่ มีคนแตกต่างกันมาทำงานรวมกัน ทำอย่างไรถึงจะบริหารได้อย่างยอดเยี่ยมคำตอบคือ ต้องใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับคนในการบริหารคน ให้เหมาะสมซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากการวิเคราะห์ลักษณะของตัวละคร เลยสักนิด

หรือแม้กระทั่งหากคุณเป็นพนักงานขายทุกรูปแบบ การแสดงก็จะช่วยให้คุณมี ทักษะในเรื่องของการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าของคุณได้ด้วยเช่นกัน

นอกจากที่ยกตัวอย่างมาแล้วยังมีอีกนับไม่ถ้วน แต่สังเกตไหมครับว่า การแสดงสามารถปรับเข้ากับเส้นทางต่างๆ หรืออาชีพต่างๆ ได้อย่างดี  ทั้งนี้ก็เพราะ การแสดง ถือเป็นการพัฒนา ศักยภาพทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และความคิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบของตัวเรา เมื่อเรารู้จักแล้วว่าตัวเรามีอาวุธอะไรอยู่ และอาวุธนั้นใช้อย่างไร เราก็จะสามารถนำอาวุธนั้น มาฝึก มาสร้างสรรค์ ชั้นเชิงในการต่อสู้บนเส้นทางต่างๆได้อย่างง่ายดาย จริงไหมครับ 

สำหรับคุณล่ะครับ....
แอคติ้ง..เรียนแล้วไปไหน



ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก storylog
เรียบเรียงโดย โรงเรียนสอนเต้น Crystal Studio


วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เสริมพัฒนาการรอบด้านของลูกด้วยการเต้น

เสริมพัฒนาการรอบด้านของลูกด้วยการเต้น
โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ



วิธีการเสริมสร้างความฉลาดให้กับลูกรักนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น การอ่านหนังสือ การเล่นไม้บล็อก การทำอาหาร กิจกรรมศิลปะ รวมถึงการเล่นดนตรี และการเต้นรำ

การเต้น ถือเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่เด็กๆ ชอบและตอบสนองต่อพัฒนาการของเด็กมากที่สุด เพราะโดยธรรมชาติของเด็กเมื่อได้ยินเสียงเพลง หรือจังหวะที่เร้าใจ เด็กจะตอบสนองโดยการเต้นและโยกย้ายตัวไปมา นอกจากการเต้นจะเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เด็กๆ ได้รับความสนุกสนานแล้วยังส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านของเด็กๆ ไปพร้อมกันด้วย ดังนี้
      
       1. ด้านร่างกาย เด็กๆ จะได้เคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วน ได้พัฒนากล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อใหญ่ นอกจากนี้ยังช่วยให้เรื่องของการสูบฉีดโลหิต การคลายตัวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งการพัฒนาสมอง เพราะสมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน (Endorphin) ซึ่งถือว่าเป็นสารที่มีความสุขออกมาอีกด้วย
      
       2. ด้านอารมณ์ เด็กๆ จะได้รับความสนุกสนาน ได้เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะเร็วและช้า ซึ่งจังหวะช้าช่วยให้เด็กผ่อนคลายและให้ความรู้สึกสงบ ส่วนจังหวะเร็วจะช่วยให้เด็กรู้สึกกระฉับบกระเฉง สดชื่นแจ่มใส
      
       3. ด้านสังคม เด็กได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น การเป็นผู้นำ ผู้ตาม การแบ่งปัน รวมทั้งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและช่วยเรื่องการปรับตัวในการเข้าสังคมสำหรับของเด็กที่ขี้อายอีกด้วย
      
       4. ด้านสติปัญญา เด็กได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ เช่น ความจำในท่าทางการเคลื่อนไหวต่างๆ ได้เรียนรู้เรื่องของจังหวะ พื้นที่และเวลา รวมทั้งในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการอีกด้วย
      
       เช่นเดียวกับคำกล่าวของ Jaques- Dalcroze (1931) บอกว่า ความสนุกสนาน เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการกระตุ้นด้านจิตใจและสำหรับเด็กๆ แล้วการเคลื่อนไหวและดนตรีถือเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานที่สุด นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยยังได้ยืนยันอีกว่าเด็กที่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการด้วยการเต้นรำ จะมีพัฒนาการทุกๆ ด้านที่ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้การกระตุ้น
      

เราลองมาดูกันว่า มีการเต้นแบบไหนบ้างสำหรับเด็ก
      
       1. การเคลื่อนไหวร่างกายแบบอยู่กับที่ (Nonlocomotor Movement) หรือการเต้นอยู่กับที่ เป็นการเคลื่อนไหวโดยที่ร่างกายไม่ต้องเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เช่น การยืดตัว การหดตัว การตบมือ หมุนแขน หมุนคอ ขยิบตา เคลื่อนไหวมือ เท้า นิ้วมือ นิ้วเท้า เป็นต้น
      
       2. การเคลื่อนไหวร่างกายแบบเคลื่อนที่ (Locomotor Movement) หรือการเต้นแบบเคลื่อนที่ หมายถึงการเคลื่อนไหวที่ย้ายจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง ได้แก่ การเดิน การวิ่ง การกระโดด การคลาน การควบม้า เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนรู้จักตนเองและการใช้ร่างกายที่ลื่นไหล นอกจากนี้ก็มีการเต้นประกอบจังหวะและการเต้นแบบกายบริหาร และเต้นประกอบจังหวะ เช่น บัลเล่ย์ ( Ballet) เป็นการเต้นระบำปลายเท้า ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเต้นรำประเภทต่างๆ
       - การเต้นแบบ (Jazz) เป็นการเต้นที่สวยงามและสนุกสนาน ได้ให้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่นสะโพก มือขา กับเพลงที่มีจังหวะสนุกสนานเร้าใจ
       - การเต้นแบบ (Hip Hop) เป็นการเต้นที่ไม่ตายตัว แต่ใช้การแสดงสีหน้าและท่าทาง อย่างอิสระ นอกจากนั้นยังมีการเต้นแบบ Latin, Belly Dance และ Tap Dance เป็นต้น
      
       3.การเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมอุปกรณ์ เช่น เคลื่อนไหวกับอุปกรณ์ดนตรี เคลื่อนไหวกับผ้า เชือก กระดาษ ตุ๊กตา ฯลฯ
      
       4. การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์หรือการเต้นแบบสร้างสรรค์ (Creative Movement) ซึ่งจะใช้ทั้งเพลงบรรเลง และเพลงที่มีเนื้อร้อง เช่น กิจกรรมเคลื่อนไหวตามจินตนาการ กิจกรรมสร้างสรรค์ท่าทางส่วนต่างๆของร่างกาย การเคลื่อนไหวร่างกายระดับสูง (ทำท่าทางบินสูงๆ , ยืดตัวสูงๆ) เคลื่อนไหวร่างกายระดับต่ำ (เคลื่อนไหวร่างกายเลียนแบบหนอนที่คืบคลานอยู่ตามพื้นดิน)
      
       จะเห็นได้ว่ากิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายหรือการเต้นรำสำหรับเด็กนั้น นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่เด็กๆ ชอบมากเป็นพิเศษแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์และส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทั้งในด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาของเด็กโดยตรงอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่พาลูกๆ มาเรียนเต้นที่ Crystal Studio กันเถอะค่ะ


ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก MGR Online
เรียบเรียงโดย โรงเรียนสอนเต้น Crystal Studio